
ในสังคมยุคนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การเรียนสูง มันไม่ใช่ประเด็นในการใช้ชีวิตอีกต่อไป เพราะถ้าเราทำงานไม่ดี หรืออยู่ร่วมกับสังคมการทำงานไม่ได้ นั้นก็แปลว่าเรานั้นทำงานไม่เป็น นี่จึงเป็นที่มาของประโยคที่ว่า “หมดยุคปริญญาแปะฝาบ้าน” ดังบทความที่จะกล่าวต่อไปนี้
ประเด็นแรกของเ รื่ อ งนี้คือ เ รื่ อ งการเรียน
ถ้าจะว่าไปว่า “การศึกษาบ้านเราเหมือนกับว่าเป็นเ รื่ อ งของคนที่เรียนเพียงคนเดียว” เรียนดีเรียนแ ย่ก็อยู่ที่คนนั้นเองทั้งสิ้นทั้งหมด พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ พี่น้อง ช่วยอะไรไม่ได้เลย สถาบันที่เรียนบางครั้งจบมาก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการทำงานของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับประสบการณ์และฝีมือในการทำงานและใช้ชีวิตอยู่กับผู้อื่นล้วน
ถ้าผลการเรียนออกมาดี ก็มีแนวโน้มว่า “น่าจะทำงานเก่ง” เพราะกว่าจะจบมันต้องฝึกต้องฝนกันมากมายหลายกระบวนท่า แต่อย่างไรก็ตาม การฝึกฝนในช่วงระหว่างที่กำลังเรียนอยู่นั้น มันฝึกฝนอยู่ในกรอบของสมมติฐานที่ว่า “ฝึกเพื่อเรียนรู้ ถ้าถูกก็แล้วไป แต่ถ้าผิดก็กลับไปแก้ไขใหม่จนกว่าจะดีขึ้น” ซึ่งเป็นหลักง่าย ของชีวิตนักศึกษา เชื่อว่าเคยผ่านกันมาทุกคน
นักศึกษาจบใหม่
หากสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าในช่วงที่เรากำลังศึกษาอยู่นั้นหากเราคิดผิด ทำผิด มันจะถูกลงโทษเพียงอย่างเดียวคือ เกรดหรือผลการเรียนจะออกมาไม่ดีหรือไม่ก็ติดเอฟ (F) ต้องไปลงทะเบียนเรียนใหม่กับเด็กรุ่นน้อง บางคนก็ไม่ถือเพราะหน้าด้าน บางคนเครีย ดมากเพราะอายกับการที่จะต้องไปเรียนกับรุ่นน้อง
ชีวิตวัยเรียนมีเ รื่ อ งให้เครีย ดปว ดสมองไม่กี่เ รื่ อ ง นอกนั้นเป็นเ รื่ อ งสนุกสนานเฮฮาปาร์ตี้เสียเป็นส่วนใหญ่ บางคนถึ งกั บไม่อย า กจบออกมา เพราะยังอย า กสนุกกับชีวิตในช่วงวัยนี้ต่อไปอีก แต่เมื่อถึงเวลาจบก็ต้องจบ อยู่ที่ว่าตอนจบของช่วงวัยจะจบออกมาดี หรือจบออกมาแบบไม่ได้เ รื่ อ ง ซึ่งจะถูกนำไปพิสูจน์ต่อไป ในช่วงชีวิตวัยทำงาน
ประเด็นที่สอง คือ เ รื่ อ งการทำงาน
“การทำงานคือการพิสูจน์คุณภาพของคนว่าคนคนนั้นมีคุณภาพ ไหน” คุณภาพมาก ไหนวัดกันอย่างไร ง่าย เลย ก็ วัดว่า ผลของงานที่ทำสัมฤnธิ์ออกมา มันเกิ ดคุณค่าหรือประโยชน์แก่คนอื่นมาก ไหน นั่นแหละคือคุณภาพ
นักศึกษาโยนหมวก
จะเห็นว่าตอนเรียนเราไม่วัดผลการเรียนแบ บนี้เลย การเรียนเป็นอะไรที่ง่ายสอบไม่ผ่านก็ลงเรียนใหม่ แต่ถ้าทำงานแล้วทำไม่ผ่าน จะ เกิ ดอะไ รขึ้ นบ้าง เสียเวลา เสียเงิน เสียใจ ถูกเจ้านายด่า เพื่อนร่วมงานข า ดความเชื่ อถือ ทั้งหมดนี้คือโลกของความจริงโลกที่แสนเจ็ บปว ดเมื่อทำผิดพลาดขึ้นมา
คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งหลายเขาเชื่อว่า ถึงแม้เรียนจบจากช่วงชีวิตวัยเรียนแล้วเขาหาได้คิดว่าเขาต้องหยุดเรียนรู้อยู่ นั้นไม่ แต่กลับกลายเป็นว่าพอจบการเรียนในช่วงวัยเรียน จะต้องศึกษาแบบจริงจัง ต่อในระดับที่สูงขึ้นไปอีกคือระดับมหาวิทย าลัยชีวิต ซึ่งจะต้องเรียนรู้ทุกลมหายใจ เพราะมันจะมีผลได้ ผลเสีย
ในทุกครั้งที่ลงมือทำอะไรก็ตาม จะต้องศึกษาไปจนวันต า ยในมหาวิทย าลัยชีวิตแห่งนี้ ส่วนคนที่ชีวิตล้มเหลวก็มีสาเหตุเพียงสาเหตุเดียวก็คือ ไม่เรียนรู้ที่จะแก้ไขในสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง มันก็ผิดซ้ำๆ ซากๆ จนหาคุณภาพไม่ได้และสิ้นความน่าเชื่อถือในที่สุด และสุดท้ายก็คือ ล้มเหลว
แหล่งที่มา: khonkan
No comments:
Post a Comment